วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559
ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ หรือ โฟรเซน (อังกฤษ: Frozen เป็นภาพยนตร์เพลงแนวแฟนตาซี-คอเมดีประเภทคอมพิวเตอร์แอนิเมชันสามมิติในปี พ.ศ. 2556 อำนวจการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส.[4] ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าเรื่องราชินีหิมะของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่ห้าสิบสามของภาพยนตร์ในชุดแอนิเมชันคลาสสิกของวอร์ตดิสนีย์ โดยเล่าเรื่องราชินีผู้กล้าที่ผจญภัยไปกับมนุษย์น้ำแข็ง กวางเรนเดียร์ และมนุษย์หิมะผู้อับโชคเพื่อค้นหาพี่สาวที่ห่างเหินซึ่งมีพลังน้ำแข็งที่ทำให้อาณาจักรตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านช่วงการเรียบเรียงร่างบทภาพยนตร์มาหลายปีก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าต่อใน พ.ศ. 2554 โดยมีเจนนิเฟอร์ ลี เป็นผู้เขียนบท และลีกับคริส บัก เป็นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังได้ คริสเตน เบลล์, ไอดินา แมนเซล, โจนาธาน กรอฟฟ์, จอร์ช แกด และซานติโน่ ฟอนทาน่า มาเป็นผู้พากษ์เสียงตัวละคร คริสโตฟ เบค ผู้ร่วมงานกับดิสนีย์ในภาพยนตร์สั้น Paperman เป็นผู้เรียบเรียงทำนองออร์เคสตรา และโรเบิร์ต โลเปซ กับคริสเตน แอนเดอร์สัน-โลเปซ คู่สามีภรรยานักแต่งเพลงเป็นผู้แต่งเพลงประกอบเรื่อง
โฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์เอลแคปิตันเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556[5] และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์[6][7] ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดการลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[8], รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[9] รางวัลบาฟต้าสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[10]รางวัลแอนนีห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[11
กำกับ
อำนวยการสร้าง ปีเตอร์ เดล เวโค
เขียนบท เจนนิเฟอร์ ลี
เขียนเรื่อง
- คริส บัก
- เจนนิเฟอร์ ลี
- เชน มอริส
เค้าโครงจาก ราชินีหิมะ โดย
ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน
นำแสดง
ดนตรีประกอบ คริสโตฟ เบค
ตัดต่อ เจฟ ดราไฮม์
ค่าย
จำหน่าย/เผยแพร่ วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิคเจอร์ส
ฉาย 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 (El Capitan Theatre)
พฤศจิกายน 27, 2013 (United States)
ธันวาคม 5, 2013 (Thailand)
ความยาว 102 นาที[1]
ประเทศ สหรัฐอเมริกา
ภาษา อังกฤษ
งบประมาณ $150 ล้าน[2][3]
รายได้ $1,274,219,009[3]
ข้อมูลจากสยามโซน
- คริส บัก
- เจนนิเฟอร์ ลี
- เชน มอริส
ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน
พฤศจิกายน 27, 2013 (United States)
ธันวาคม 5, 2013 (Thailand)
ตัวละคร
- เอลซ่า (Elsa) ราชินีผู้มีพลังน้ำแข็งมาตั้งแต่กำเนิด ยิ่งเอลซ่าโตขึ้นพลังวิเศษของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้เธอต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาพบปะกับผู้คน จนกระทั่งเธอได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อของเธอ ทำให้เอลซ่าต้องออกมาเผชิญกับผู้คนภายนอก แล้วเธอก็เริ่มหวาดกลัวกับพลังวิเศษที่ไม่สามารถควบคุมได้ เธอจึงต้องหนีออกจากอาณาจักร และพลังของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในฤดูหนาวตลอดกาลโดยไม่ได้ตั้งใจ
- อันนา (Anna) เจ้าหญิงน้อยผู้เป็นน้องสาวของเอลซ่า เธอเป็นเด็กที่ร่าเริง ช่างเพ้อฝันว่าสักวันจะได้พบกับรักแท้ เมื่อเอลซ่าหนีออกจากอาณาจักร เธอก็ต้องออกเดินทางไปตามหาเอลซ่าเพื่อกล่อมให้กลับอาณาจักร แต่เธอกลับโดนคำสาปน้ำแข็งของเอลซ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้อันนาต้องคำสาป และต้องหาทางแก้
- คริสตอฟฟ์ (Kristoff) หนุ่มภูเขาทำงานรับส่งก้อนน้ำแข็ง มีสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก และร่วมผจญภัยไปกับอันนาเพื่อลบล้างคำสาปของเอลซ่า
- โอลาฟ (Olaf) ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่ากับอันนาเคยปั้นด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่เอลซ่าได้สาปให้ทั้งเมืองตกอยู่ในฤดูหิมะแล้วหนีออกจากอาณาจักร พลังวิเศษของเธอก็ทำให้โอลาฟมีชีวิตขึ้นมา โอลาฟก็ได้พบกับอันนา คริสตอฟฟ์ และสเวนระหว่างทางจึงร่วมเดินทางผจญภัยด้วย
- เจ้าชายฮานส์ (Hans) เชื้อพระวงศ์รูปงามจากอาณาจักรข้างเคียงที่เดินทางมายังเอเรนเดลล์เพื่อพิธีขึ้นครองราชย์ของเอลซ่า ด้วยความที่ฮานส์มีพี่ชายมากถึง 12 คน ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมองข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่อันนารู้สึกเช่นเดียวกัน ฮานส์เป็นคนฉลาด ช่างสังเกต และให้เกียรติผู้หญิง ฮานส์สัญญาว่าจะไม่ทิ้งอันนาไป ซึ่งเขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เธอรอคอยมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เหมือนเอลซ่า แต่สุดท้ายก็หักหลังอันนาโดยทิ้งไว้ในห้องให้เธอทรมานจนกว่าจะตาย และคิดจะกำจัดเอลซ่าเพื่อที่จะได้ครอบครองอาณาจักรเอเรนเดลล์มาเป็นของตน
- สเวน (Sven) กวางเรนเดียร์ที่มาพร้อมกับหัวใจแบบสุนัข เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของคริสตอฟฟ์ ผู้คอยทำหน้าที่ลากเลื่อนและเตือนสติคริสตอฟฟ์ สเวนจะคอยดูแลเสมอว่าเจ้านายชาวภูเขาของเขาจะเป็นชายหนุ่มที่ยืนหยัดต่อสถานการณ์ได้อย่างที่เขารู้จักและรัก โดยไม่ต้องคอยพูดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เสียงพ่นลมของสเวนก็มักจะสื่อความหมายที่ต้องการบอกได้อย่างดี
เนื้อเรื่อง
ในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ พระราชาและพระราชินีมีพระธิดาสองคน เจ้าหญิงเอลซ่า พระธิดาองค์โต และเจ้าหญิงแอนนา พระธิดาองค์เล็ก จากเจ้าหญิงทั้งสองคน เอลซ่าเกิดมาพร้อมความวิเศษในการเสกน้ำแข็งออกมาได้ดังใจสั่ง คืนหนึ่ง อันนาปลุกเอลซ่าให้มาเล่นด้วยกัน ขณะที่เอลซ่าและอันนากำลังเล่นกำลังเล่นสนุกสนานกับพลังวิเศษนี้ พลังหิมะของเอลซ่าถูกเสกเข้าที่หัวของอันนาด้วยความไม่ตั้งใจ อันนาหมดสติ และเส้นผมส่วนหนึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว พระราชาและพระราชินีรีบพาเจ้าหญิงทั้งสองไปยังหุบเขาอันเป็นที่อยู่ของเผ่าโทรลล์ผู้วิเศษเพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่อันนายังหมดสติอยู่นั้น ปู่แพ็บบี้ โทรลล์เฒ่าผู้นำเผ่า กล่าวว่าโชคดีที่เธอถูกพลังแค่ที่หัว แต่หากเป็นหัวใจแล้วจะต้องแย่แน่ๆ แพบบี้ได้ลบความทรงจำของอันนาเกี่ยวกับพลังของเอลซ่าออก เหลือทิ้งไว้แต่ความสนุกสนานของทั้งสองพี่น้อง และเตือนเอลซ่าว่าพลังของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องหัดที่จะควบคุมพลังนี้ให้ได้
เมื่อกลับสู่พระราชวัง เพื่อซ่อนเรื่องนี้เป็นความลับ พระราชาทรงสั่งให้มีการปิดประตูวัง ไม่ให้บุคคลทั้งภายนอกและภายในเข้าออก สองพี่น้องต้องถูกเลี้ยงดูแยกจากกัน การควบคุมพลังของเอลซ่านับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ พระราชาต้องมอบถุงมือพิเศษให้เอลซ่า เพื่อให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ง่ายขึ้น ในขณะที่อันนาแม้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดา แต่ก็ต้องอยู่กับโดดเดี่ยวตลอดหลายปี จากการที่เอลซ่าไม่ยอมพูดคุยกับเธอ แม้เธอจะยังจดจำความสนุกสนานที่เคยมีด้วยกันตอนเด็กๆได้ จนกระทั่งจุดพลิกผันมาถึงชีวิตของทั้งสองเมื่อพระราชาและพระราชินีทรงสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันขณะเดินทางออกทะเล
สามปีหลังจากกการสิ้นพระชนม์ของพระราชาและพระราชินี เอลซ่าก็มีมีอายุครบกำหนดที่จะเข้าพิธีราชาภิเษก ในวันพิธีนั้น ประตูวังจึงได้เปิดออกหลังจากปิดมานานหลายปี อันนาซึ่งใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานจึงออกจากวังเพื่อไปสำรวจบ้านเมือง ก่อนจะได้เจอกับเจ้าชายฮานส์ บุตรชายคนที่สิบสามของพระราชาแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้อันนาตกหลุมรักฮานส์อย่างรวดเร็ว ส่วนเอลซ่าเธอเกรงว่าเธอจะปล่อยพลังของเธอออกมาในงานราชาภิเษก และเธอพยายามควบคุมมันไว้จนได้
ที่งานเลี้ยงหลังพิธี อันนาและเอลซ่าได้พูดคุยต่อหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น ทว่าเพียงครู่ต่อมาเมื่ออันนาได้พาฮานส์มาพบเอลซ่า เพื่อขออนุญาตจากเอลซ่าให้ทั้งสองแต่งงานกัน เอลซ่าไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่าอันนาจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวไม่ได้ และสองพี่น้องเริ่มทะเลาะกัน อันนาดึงถุงมือของเอลซ่าออก ด้วยความกดดัน เอลซ่าไม่สามารถควบคุมพลังวิเศษของเธอได้ และเสกน้ำแข็งออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งอาณาจักร ดยุคแห่งวีเซิลตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกต่างเมืองที่มาร่วมงาน ตะโกนใส่เอลซ่าว่าเธอคือปีศาจ เธอจึงหวาดกลัวและวิ่งหนีออกไปจากเมือง และซ่อนตัวบนภูเขาอันห่างไกลจากอาณาจักร ณ ที่นั้น เธอรู้สึกปลดปล่อยจากความกดดันที่เธอพบมาเนิ่นนาน และได้ใช้พลังของเธอสร้างพระราชวังน้ำแข็งอันสวยงามขึ้นมา โดยที่ตลอดเวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าพลังความกลัวของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาพฤดูหนาวชั่วนิรันดร์ที่โหดร้าย
ทางด้านของอันนา ซึ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ของตนหนีไป จึงรีบออกตามหาเอลซ่าด้วยตนเอง และมอบหมายให้เจ้าชายฮานส์เป็นผู้ดูแลอาณาจักรชั่วคราวแทน ในระหว่างทาง อันนาได้พบกับคริสตอฟฟ์ และสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจของเขา เพื่อให้เขาช่วยนำทางในการตามหาเอลซ่า ทว่าเพียงไม่นานหลังจากทั้งกลุ่มออกเดินทางด้วยกัน ก็ถูกฝูงหมาป่าออกมาไล่ล่า ระหว่างที่ทุกคนหนีเอาตัวรอด คริสตอฟฟ์ต้องเสียเลื่อนหิมะราคาแพงของเขา ด้วยความรู้สึกผิด อันนาจึงขอออกเดินทางต่อด้วยตัวเอง และจะชดใช้ค่าเสียหายให้เขาเมื่อเธอตามหาเอลซ่าพบ คริสตอฟฟ์ แม้จะไม่อยากจะช่วยอันนาในการเดินทางต่อ แต่สเวนก็โน้มน้าวให้คริสตอฟฟ์เปลี่ยนใจและช่วยอันนาตามหาพี่สาวของเธอต่อ ทั้งกลุ่มเดินทางมาพบกับโอลาฟ ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่าสร้างขึ้นระหว่างที่เธอกำลังหัดใช้พลังของเธอในการสร้างพระราชวังน้ำแข็ง โดยที่เอลซ่าเองไม่รู้ว่าโอลาฟนั้นได้มีชีวิตขึ้นมา โอลาฟอาสานำกลุ่มไปพบกับเอลซ่า
เมื่อทั้งพวกเขามาเจอกับเอลซ่าที่พระราชวังน้ำแข็ง อันนาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เอลซ่ากลับไปช่วยอาณาจักรให้คืนสู่ฤดูร้อน แต่เอลซ่ากลับยิ่งกลัวที่พลังของเธอรุนแรงขนาดนี้ ทั้งยังเผลอระเบิดพลังความหวาดกลัวของเธอเข้าใส่เข้าหัวใจของอันนา และปฏิเสธที่จะกลับไปยังเอเรนเดลล์ เอลซ่าเสกมนุษย์หิมะขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อนำพวกเขาออกไปจากวัง ผมของอันนาเริ่มกลายเป็นสีขาว ทำให้อันนาเริ่มกังวล คริสตอฟฟ์อาสาพาอันนาไปหาพวกโทรลล์ ที่ซึ่งเขานับถือเป็นครอบครัว และเพราะเขาเองก็เคยเห็นพ่อแม่ของอันนามาขอความช่วยเหลือจึงรีบออกเดินทางกลับไปยังเอเรนเดลล์ เพื่อให้อันนาได้พบกับฮานส์ที่คิดว่าคือรักแท้ของอันนา
ขณะเดียวกัน ด้วยความกังวล ฮานส์ได้ออกไปตามหาอันนา โดยมีทหารสองนายของดยุคแห่งวีเซิลตันซึ่งไดรับการกำชับให้สังหารเอลซ่า อาสาร่วมเดินทางไปกับฮานส์ด้วย เมื่อไปถึงพระราชวังน้ำแข็ง ขณะที่ฮานส์ต่อสูกับมนุษย์หิมะยักษ์ที่เอลซ่าสร้าง ทหารของดยุคได้มุ่งหน้าเข้าภายไปในวังเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่า เอลซ่าพยายามใช้พลังของเธอต่อสู้กลับพวดเขาและเกือบฆ่าทหารทั้งสอง แต่ฮานส์เข้ามาถึงในเหตุการณ์และขอร้องเอลซ่าให้หยุด ขณะที่ เอลซ่าตั้งสติได้ ทหารของดยุคได้ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมฆ่าเธอ ฮานส์เข้าไปปัดหน้าไม้ขึ้นยิงใส่โคมน้ำแข็งเหนือเอลซ่า เอลซ่าวิ่งหลบแต่ล้มและหมดสติไป ก่อนจะฟื้นในห้องขังที่เอเรนเดลล์ ฮานส์ขอร้องให้เอลซ่าหยุดหิมะนี้ แต่เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพียงไม่นาน คริสตอฟฟ์พาอันนากลับมาถึงเอเรนเดลล์ อันนาเล่าเรื่องการกระทำแห่งรักแท้ให้ฮานส์ แต่ก่อนที่ฮานส์จะจุมพิตอันนา ฮานส์ก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมาว่าเรื่องที่เขารักอันนาเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้น การที่เขามีพี่ชายถึงสิบสองคน ทำให้เขาไม่มีทางจะมีอำนาจได้เลย เขาจึงคิดจะแต่งงานกับอันนา ก็เพื่อเตรียมจะยึดตำแหน่งราชาแห่งเอเรนเดลล์ได้หากเขาวางแผนฆ่าเอลซ่าอย่างลับๆได้สำเร็จ
ฮานส์ขังอันนาทิ้งไว้ในห้องให้เธอทนกับความหนาวเย็นจนกว่าจะตาย และหลอกให้เหล่าขุนนางเชื่อว่าเขาได้ให้ปฏิญาณแต่งงานกับอันนาก่อนเธอตาย ทำให้เขาเป็นผู้มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ และประกาศให้เอลซ่าเป็นกบฏและสั่งประหารชีวิต แต่เอลซ่านั้นใช้พลังของเธอช่วยหนีออกไปจากที่คุมขังได้เสียก่อน ทว่าความหวาดกลัวของเธอทำให้เกิดพายุหิมะอย่างรุนแรงรอบเอเรนเดลล์ คริสตอฟฟ์และสเวนมุ่งหน้าฝ่าพายุหิมะเพื่อพยายามกลับเข้าไปในวัง ในขณะที่โอลาฟเข้ามาช่วยอันนาเอาไว้ได้และพาเธอหนีออกจากวังเพื่อไปหาคริสตอฟฟ์ ฮานส์ตามหาเอลซ่าในพายุหิมะจนเจอ และหลอกเธอว่าอันนาตายแล้ว เธอล้มลง ด้วยความเสียใจพายุหิมะหยุดนิ่ง อันนาซึ่งกำลังเดินไปหาคริสตอฟฟ์ เห็นฮานส์ที่กำลังคว้าดาบขึ้นมาเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่าอยู่ใกล้ๆ จึงได้วิ่งเอาตัวของเธอเข้าไปขวาง ก่อนที่ร่างของเธอจะกลายเป็นน้ำแข็งในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ดาบของฮานส์ระเบิดออกและกระแทกเขาจนหมดสติ เอลซ่าหันมาเห็นร่างของอันนาและกอดเธอไว้อย่างเสียใจ ทว่าการกระทำของเอลซ่านั้นเป็นการกระทำแห่งรักแท้ ร่างน้ำแข็งของเธอค่อยๆละลายและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เอลซ่าจึงเข้าใจแล้วว่า ความรักนี่เองที่ทำให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ ก่อนที่เธอจะใช้พลังของเธอค่อยๆละลายหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักร
ฮานส์ถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรของเขาเพื่อรับโทษ เอลซ่าประกาศตัดขาดทางการค้ากับเมืองวีเซิลตันท่ามกลางคำคัดค้านที่ไร้ผลของดยุค อันนาซื้อรถเลื่อนคันใหม่ให้คริสตอฟฟ์ชดใช้คันที่เสียไป ก่อนที่คริสตอฟฟ์จะจูบเธอด้วยความดีใจ เอลซ่าใช้พลังของเธอเปลี่ยนพื้นที่ในวังเป็นให้เป็นลานน้ำแข็งให้ชาวเมืองได้เพลิดเพลินกันอย่างมีความสุข และบอกอันนาว่าพวกเธอจะไม่มีวันปิดประตูวังอีกต่อไป
นักพากย์
ชื่อ | พากย์ | |
---|---|---|
อังกฤษ | ไทย | |
อันนา (Anna) | คริสเตน เบลล์ (Kristen Bell) | หนึ่งธิดา โสภณ[12] |
เอลซ่า (Elsa) | ไอดินา แมนเซล (Idina Menzel) | วิชญาณี เปียกลิ่น[12] |
คริสตอฟฟ์ (Kristoff) | โจนาธาน กรอฟฟ์ (Jonathan Groff) | อภินันท์ ธีระนันทกุล พากย์ พิชญากร แช่มช้อย ร้อง [13] |
โอลาฟ (Olaf) | จอร์ช แกด (Josh Gad) | คมสันชัย สุขพิพัฒน์มงคล พากย์ กรกันต์ สุทธิโกเศศ (อาร์ม) ร้อง [13] |
เจ้าชายฮานส์ (Hans) | ซานติโน่ ฟอนทาน่า (Santino Fontana) | สุวีระ บุญรอด[12] |
ดยุคแห่งวีเซิลตัน (Duke of Weselton) | Alan Tudyk | ศุภสรณ์ มุมแดง[13] |
ผู้เฒ่าแพ็บบี้ (Grand Pabbie the Troll King) | Ciarán Hinds | กฤษณะ ศฤงคารนนท์[13] |
โอคเค่น (Oaken) | Chris Williams | รัตนชัย เหลืองวงศ์งาม[13] |
พระราชา (The King of Arendelle) | Maurice LaMarche | กริน อักษรดี[13] |
เพลงประกอบภาพยนตร์
ลำดับ | ชื่อเพลง | ร้อง/บรรเลง | ยาว |
---|---|---|---|
1. | "Frozen Heart" | Cast of Frozen | 1:45 |
2. | "Do You Want to Build a Snowman? (ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย?)" | อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, Agatha Lee Monn และ Katie Lopez ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ | 3:27 |
3. | "For the First Time in Forever (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน)" | อังกฤษ: เบลล์, ไอดินา แมนเซล ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น | 3:45 |
4. | "Love is an Open Door (เปิดประตูสู่รักใหม่)" | อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, ซานติโน่ ฟอนทาน่า ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, สุวีระ บุญรอด | 2:07 |
5. | "Let It Go (ปล่อยมันไป)" | อังกฤษ: แมนเซล ไทย: วิชญาณี เปียกลิ่น | 3:44 |
6. | "Reindeer(s) are Better Than People (กวางช่างแสนดีกว่าผู้คน)" | อังกฤษ: โจนาธาน กรอฟฟ์ ไทย: พิชญากร แช่มช้อย | 0:50 |
7. | "In Summer (ในหน้าร้อน)" | อังกฤษ: จอร์ช แกด ไทย: กรกันต์ สุทธิโกเศศ | 1:54 |
8. | "For the First Time in Forever (Reprise) (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน รีไพรส์)" | อังกฤษ: เบลล์, แมนเซล ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น | 2:30 |
9. | "Fixer Upper (ต้องเอาไปซ่อมต่อ)" (featuring Maia Wilson) | Cast of Frozen | 3:02 |
10. | "Let It Go" | เดมี โลวาโต | 3:47 |
11. | "Vuelie" (featuring Cantus) | คริสโตฟ เบค | 1:36 |
12. | "Elsa and Anna" | คริสโตฟ เบค | 2:43 |
13. | "The Trolls" | คริสโตฟ เบค | 1:48 |
14. | "Coronation Day" | คริสโตฟ เบค | 1:14 |
15. | "Heimr Arnadlr" | คริสโตฟ เบค | 1:25 |
16. | "Winter's Waltz" | คริสโตฟ เบค | 1:00 |
17. | "Sorcery" | คริสโตฟ เบค | 3:17 |
18. | "Royal Pursuit" | คริสโตฟ เบค | 1:02 |
19. | "Onward and Upward" | คริสโตฟ เบค | 1:54 |
20. | "Wolves" | คริสโตฟ เบค | 1:44 |
21. | "The North Mountain" | คริสโตฟ เบค | 1:34 |
22. | "We Were So Close" | คริสโตฟ เบค | 1:53 |
23. | "Marshmallow Attack!" | คริสโตฟ เบค | 1:43 |
24. | "Conceal, Don't Feel" | คริสโตฟ เบค | 1:07 |
25. | "Only an Act of True Love" | คริสโตฟ เบค | 1:07 |
26. | "Summit Siege" | คริสโตฟ เบค | 2:32 |
27. | "Return to Arendelle" | คริสโตฟ เบค | 1:38 |
28. | "Treason" | คริสโตฟ เบค | 1:36 |
29. | "Some People Are Worth Melting For" | คริสโตฟ เบค | 2:06 |
30. | "Whiteout" | คริสโตฟ เบค | 4:17 |
31. | "The Great Thaw (Vuelie Reprise) " (featuring Frode Fjellheim) | คริสโตฟ เบค | 2:29 |
32. | "Epilogue" | คริสโตฟ เบค | 3:04 |
ประวัติอย่างเป็นทางการจาก Disney
จากภายนอก เอลซ่าดูสง่าแบบราชนิกุล ดูเก็บตัว แต่จริงๆแล้ว เธออยู่ด้วยความกลัวที่ต้องพยายามรักษาความลับของพลังพิเศษ เธอกำเนิดมาด้วยพลังในการสร้างน้ำแข็งและหิมะ มันเป็นความสามารถที่ดูงดงาม แต่ในขณะเดียวกันยังเป็นอันตรายอย่างมาก เธอฝังใจกับการที่พลังของเธอเกือบจะสังหารอันนา น้องสาวของเธอ ทำให้เอลซ่าแยกตนเองออกมาอยู่อย่างโดดเดี่ยว ใช้เวลาไปกับความพยายามที่จะควบคุมพลังของตนเอง การระเบิดอารมณ์ของเธอ ทำให้เธอปลดปล่อยพลังจนทำให้เกิดฤดูหนาวนิรันดร์กาลโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยที่เธอก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ทำให้เธอกลัวว่าเธอจะกลายเป็นปีศาจ ซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ แม้แต่น้องสาวของเธอเอง
รูปลักษณ์ภายนอก
เอลซ่าเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างสะดุดตา ด้วยรูปร่างที่เพรียวงาม ผมสีบลอนด์แพลตินัม ตาสีฟ้า ผิวขาวซีด มีกระจางๆ บนใบหน้า เหมือนกับน้องสาวของเธอ เธอถอดแบบมาจากแม่ เห็นได้จากตอนพระราชพิธีราชาภิเษก เธอวางตัวได้สมเป็นราชินีเหมือนดั่งมารดาของเธอ ต่างกันก็เพียงแค่สีผมเท่านั้น ช่วงก่อนที่เธอจะกลายเป็นราชินีหิมะ เธอสวมชุดสีเขียวอมฟ้า เสื้อเกาะอกรูปหัวใจ ขลิบสีบรอนซ์ เสื้อแขนยาวสีดำ เสื้อคลุมสีแดงอมม่วง ส่วนผมของเธอมัดรวบไว้ด้านหลัง เธอสวมถุงมืออยู่เสมอเพื่อป้องกันพลังของเธอ
ในช่วงที่เป็นราชินีหิมะแล้ว เอลซ่าทำผมเปียม้วนลงข้าง ประดับด้วยเกล็ดหิมะ เธอสวมชุดซึ่งสร้างจากน้ำแข็ง สีฟ้าคริสตัล เปิดไหล่ เสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อน ใต้แขนเสื้อเป็นเสื้อคลุมบาง โปร่งแสง ลายเกล็ดหิมะขนาดใหญ่ ยาวกรอมพื้น

บุคลิกภาพ
ในฐานะราชินี เอลซ่าวางตัวนิ่ง สงบ ดู่สง่างาม สมเป็นเชื้อพระวงศ์ ในวัยเด็ก เธอให้ความใส่ใจอันนาเป็นอย่างมาก แม้จะวางตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นเด็กที่ค่อนข้างร่าเริง อย่างไรก็ดีเมื่อพลังของเธอเกือบจะเป็นต้นเหตุให้น้องสาวเธอตาย เอลซ่าก็มีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว กังวลว่า อำนาจพิเศษจะเพิ่มพูนจนเกินจะรับมือได้ ดังนั้นเอลซ่าจึงต้องการแยกตัวจากทุกคนที่เธอรัก รวมทั้งอันนา ด้วยความกลัวว่าพลังของเธอจะทำร้ายคนอื่น เธอเลือกที่จะเก็บงำความลับเรื่องของเธอไว้กับตนเองโดยไม่บอกคนอื่น อย่างไรก็ดี อารมณ์ของเธอเป็นต้นเหตุของการปลดปล่อยพลังน้ำแข็งและพายุทำลายล้าง
ด้วยความกดดันดังกล่าว เอลซ่าจึงอ่อนไหวต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของคนอื่น เธอรู้สึกว่า เธอต้องอยู่ให้ห่างไกลจากคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะทำให้คนอื่นปลอดภัย ด้วยความรู้สึกนี้ เธอจึงคิดว่าเธอไม่สามารถจะปกครองอาณาจักรได้เนื่องจากจุดอ่อนของเธอ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุโดยตรงที่เธอตัดขาดการสื่อสารกับอันนา เนื่องจากเธอเกรงว่าอาจจะไม่สามารถควบพลังได้ หากโดนกระตุ้นจากอันนา ด้วยเหตุที่อันนาถูกลบล้างความทรงจำ เพื่อลบล้างคำสาปที่เอลซ่าปล่อยพลังใส่เธอตอนเด็กโดยไม่ตั้งใจ เธอจึงมีความยากลำบากที่จะพูดคุยกับอันนาในช่วงที่เธอโดดเดี่ยวตนเอง เธอยังคิดไปเองว่า เธอนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ แอเรนเดลล์ เนื่องจากเธอมองว่าตนเองมีพลังแห่งการทำลาย
ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามหลบหน้าอันนาตลอดชีวิตของเธอ เธอยังมีช่วงที่อยากจะพูดคุยกับอันนา เช่น ตอนให้อันนาไปเต้นรำกับ Duke of Weselton แทนตนเอง แสดงให้เห็นถึงอีกด้านหนึ่งของเธอที่ดูขี้เล่นและซุกซน
ท่ามกลางความหวาดกลัว แต่เอลซ่าก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของเธอต่อครอบครัว และอาณาจักรของเธอ ดังจะเห็นได้ว่า เธอพยายามหลบหนีออกจากอาณาจักรของเธอมาอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อเมืองของเธอ แต่กระนั้นก็ตาม เธอแสดงให้เห็นถึงความกลัว เมื่อเธอตระหนักว่า เธอได้สร้างฤดูหนาวนิรันดร์กาลขึ้นมาที่อาณาจักรของเธอ ซึ่ง เอลซ่าเองก็ไม่อาจเผชิญหน้ากับสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมาได้ เนื่องจากเธอเชื่อว่าเธอสามารถสร้างฤดูหนาวได้ แต่ไม่สามารถลบล้างมันได้
อย่างไรก็ดี เมื่อเนรเทศตนเองออกมาแล้ว เธอแสดงให้เห็นถึงอีกด้านหนึ่งของเธอที่ต้องการเป็นอิสระ โดยไม่มีความกดดันหรือความกลัวที่จะทำร้ายคนอื่น เธอแสดงถึงความแข็งแกร่ง ด้วยบรรยากาศอันอลังการโดยรอบ และด้วยจิตสำนึกอย่างแรงกล้าของอิสรภาพ เธอจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่งถึงพลังของเธอ ขณะนั้นเธอไม่กังวลและไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้วที่จะกักเก็บพลังของเธอ ในเวลานั้น เอลซ่าได้พิสูจน์ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าที่จะออกถอยห่างจากจากชะตาที่ลิขิตทางเดินไว้ให้เธอ ด้วยการสละตำแหน่งราชินีแห่ง แอเรนเดลล์ แลกกับอิสรภาพที่เธอลิขิตเอง
จุดที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับเอลซ่าคือ ความรักที่มีต่อน้องสาวของเธอ ความผูกพันของเอลซ่ากับอันนา มันแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิด ในช่วงที่เธอเผชิญแรงกระตุ้นสูงสุด มันเหมือนเธอได้รำลึกว่า เธอไม่ได้โดดเดี่ยวจริงๆ เมื่อมีคนอื่นที่รักและใส่ใจเธอเช่นเดียวกัน ด้วยพลังความรัก และความตั้งใจอย่างแรงกล้า ทำให้เอลซ่าสามารถควบคุมพลังของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยน้องสาวที่เธอรัก เอลซ่าจึงสามารถเผชิญหน้ากับความกลัว และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังและใช้มันไปในทางที่ดีได้
เมื่อเธอสามารถเอาชนะความกลัวได้ บุคลิกภาพของเอลซ่า ได้กลับมาอบอุ่น และร่าเริงอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้จากเธอมีความสุขที่จะเล่นเสก็ตกับอันนาและคนอื่นๆ ช่วยอันนาสร้างเสก็ตโดยไม่กลัวว่าจะเป็นการทำอันตรายต่อเธอ และเอลซ่ายังสร้างก้อนเมฆหิมะให้โอลาฟ เพื่อให้มันอยู่ได้ตลอดฤดูร้อนอีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)